โรค & การดูแล

รู้ก่อนผ่า! ผ่าตัดสะโพกคืออะไร? ทำไมต้องผ่า? พร้อมวิธีการดูแลหลังผ่าตัดที่ถูกต้อง | คุยกับแพทย์ Health at Home | Health at Home

โดย นพ. อัศวิน โรจนสุมาพงศ์ · 2024-08-30

การผ่าตัดสะโพกคืออะไร?

การผ่าตัดสะโพก (Hip Surgery) เป็นการเปลี่ยนข้อสะโพกที่มีปัญหาหรือเสียหายด้วยข้อสะโพกเทียม (Hip Prosthesis) เพื่อช่วยลดอาการเจ็บปวดและเพิ่มความคล่องตัวให้กับผู้ป่วย การผ่าตัดเปลี่ยนสะโพกเป็นการผ่าตัดซึ่งต้องมีการเตรียมตัวอย่างดี เนื่องจากเป็นการผ่าตัดแบบเปิด (Open Surgery) ซึ่งถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ จำเป็นต้องมีการให้ยาระงับความรู้สึก ใช้เวลา และต้องมีการพักฟื้นหลังผ่าตัดเพื่อการสังเกตอาการและภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าในโรงพยาบาล

สาเหตุที่ต้องทำการผ่าตัดสะโพก

1. โรคข้ออักเสบ (Arthritis)
  • ข้ออักเสบที่สะโพก เช่น ข้อเสื่อม (Osteoarthritis ซึ่งพบได้บ่อยที่สุด) และข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) สามารถทำให้เกิดอาการเจ็บปวดและข้อสะโพกแข็งทื่อ
2. อุบัติเหตุและการบาดเจ็บ (Trauma)
  • การบาดเจ็บรุนแรงที่สะโพก เช่น การหักหรือแตกร้าวของกระดูกสะโพก อาจต้องการการผ่าตัดเพื่อซ่อมแซม
3. ภาวะข้อสะโพกตายจากการขาดเลือด (Avascular Necrosis)
  • การขาดเลือดไปเลี้ยงกระดูกสะโพกอาจทำให้กระดูกตายและต้องการการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนข้อสะโพกใหม่ ปัจจัยเสี่ยงของภาวะนี้ เช่น ประวัติการบาดเจ็บ ปัญหาของหลอดเลือด ประวัติการใช้ยาต่อเนื่องโดยเฉพาะยากลุ่มเสตียรอยด์ การดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น
hip-replacement-surgery ภาพจาก Johns hopskins medicine

ทำไมต้องผ่าตัดสะโพก หากไม่ผ่าจะเป็นอะไรไหม?

การผ่าตัดสะโพกมักเป็นทางเลือกสุดท้ายหลังจากการรักษาแบบไม่ผ่าตัดไม่สามารถบรรเทาอาการเจ็บปวดได้ การตัดสินใจผ่าตัดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความรุนแรงของอาการเจ็บปวด ความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน และสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย หากไม่ทำการผ่าตัด ผู้ป่วยอาจเผชิญกับ:

  • ความเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง: อาการเจ็บปวดที่สะโพกอาจทำให้ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างเต็มที่
  • การเสื่อมสภาพของข้อสะโพก: หากปล่อยไว้นานเกินไป ข้อสะโพกอาจเสื่อมสภาพมากขึ้น ทำให้การรักษาซับซ้อนและยากลำบากขึ้น
  • การจำกัดการเคลื่อนไหว: ความเจ็บปวดและการเสื่อมสภาพของข้อสะโพกอาจทำให้การเคลื่อนไหวของผู้ป่วยจำกัดมากขึ้น

หากสะโพกมีปัญหาทั้งสองข้างพร้อมกัน สามารถผ่าพร้อมกันได้หรือไม่?

กรณีที่มีปัญหาสะโพกทั้งสองข้าง การผ่าทั้งสองข้างในการผ่าตัดครั้งเดียวมีความเป็นไปได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของสภาวะร่างกายและปัจจัยเสี่ยงของสุขภาพที่ต้องสามารถทนกับระยะเวลาการผ่าตัดที่นานขึ้น และความสามารถในการฟื้นฟูที่ซับซ้อนขึ้น

ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดสะโพก

1. การตรวจสุขภาพทั่วไป
  • ผู้ป่วยจะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพทั่วไปเพื่อประเมินความพร้อมในการผ่าตัด รวมถึงการตรวจเลือด เอกซเรย์ และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG)
2. การหยุดยาบางชนิด
  • แพทย์อาจแนะนำให้หยุดยาบางชนิดที่อาจมีผลต่อการผ่าตัด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด
3. การเตรียมตัวด้านจิตใจ
  • ขผู้ป่วยควรได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดและขั้นตอนการฟื้นฟูหลังการผ่าตัด เพื่อเตรียมตัวด้านจิตใจและลดความกังวล

ขั้นตอนการผ่าตัดสะโพก

1. การให้ยาระงับความรู้สึก (Anesthesia)
  • การผ่าตัดสะโพก อาจใช้การระงับความรู้สึกด้วย การระงับความรู้สึกทางช่องไขสันหลัง หรือที่มักเรียกว่า การบล็อกหลัง (Spinal anesthesia) หรือ การให้ยาระงับความรู้สึกทั่วร่างกาย หรือ การดมยาสลบ (General Anesthesia) ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ป่วย
2. การผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนข้อสะโพก
  • ศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลที่สะโพกเพื่อเข้าถึงข้อสะโพกที่เสียหาย จากนั้นจะทำการถอดข้อสะโพกที่เสียหายออกและใส่ข้อสะโพกเทียมเข้าไปแทนที่ การผ่าตัดนี้อาจใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง
3. การปิดแผล
  • หลังจากการใส่ข้อสะโพกเทียมแล้ว ศัลยแพทย์จะทำการปิดแผลด้วยการเย็บหรือใช้คลิปโลหะ
4. การพักฟื้น
  • หลังผ่าตัดเสร็จสิ้นจะมีการพักสังเกตอาการในห้องสังเกตอาการหลังผ่าตัดประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อนฉับพลันหลังการผ่าตัด หลังจากนั้นจึงส่งต่อไปสู่ห้องพักฟื้น

การฟื้นฟูหลังการผ่าตัดสะโพก

1. การพักฟื้นในโรงพยาบาล
  • ผู้ป่วยจะต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 4 - 7 วัน โดยจะได้รับการดูแลจากทีมแพทย์และพยาบาล
2. การทำกายภาพบำบัด
  • การทำกายภาพบำบัดจะเริ่มตั้งแต่วันแรกหลังการผ่าตัด เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มความคล่องตัวของสะโพก โปรแกรมกายภาพบำบัดอาจต้องดำเนินต่อไปอีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน
3. การใช้เครื่องช่วยเดิน
  • ในช่วงแรกหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยอาจต้องใช้ไม้เท้าหรือเครื่องช่วยเดินเพื่อช่วยในการเคลื่อนไหวและป้องกันการบาดเจ็บเพิ่มเติม
4. การรักษาด้วยยา
  • แพทย์อาจสั่งยาแก้ปวดและยาลดอักเสบเพื่อช่วยในการฟื้นฟู นอกจากนี้ยังอาจให้ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือดในช่วงหลังผ่าตัด

ใช้เวลาพักฟื้นนานเท่าไหร่?

ระยะเวลาการพักฟื้นหลังการผ่าตัดสะโพกจะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้ว ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ในช่วง 2 - 4 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด การฟื้นฟูสมรรถภาพทางกายอย่างเต็มที่อาจใช้เวลานานถึง 3 - 6 เดือน ขึ้นอยู่กับการทำกายภาพบำบัดและการดูแลสุขภาพหลังการผ่าตัด

หลังผ่าตัดจะกลับมาเดินได้ปกติไหม?

ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดสะโพกสามารถกลับมาเดินได้ปกติ อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการเดินและฟื้นฟูหลังผ่าตัดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย อายุ และการทำกายภาพบำบัดที่ถูกต้อง การทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอและการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

การดูแลตนเองหลังการผ่าตัดสะโพก

1. การรับประทานอาหารที่เหมาะสม
  • ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วนทุกหมู่ เพื่อเสริมสร้างร่างกายและช่วยในการฟื้นฟู
2. การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
  • ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงการนัดหมายตรวจติดตามผลหลังการผ่าตัด
3. การหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการบาดเจ็บเพิ่มเติม
  • ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก หรือกิจกรรมที่อาจทำให้สะโพกได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม

ทำไมควรมีผู้ดูแลมืออาชีพ (CarePro) ที่มีความรู้ในการดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดสะโพก?

การดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดสะโพกเป็นขั้นตอนสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จในการฟื้นฟูสมรรถภาพและการกลับมาใช้ชีวิตประจำวันอย่างเต็มที่ การมีผู้ดูแล (CarePro) ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดสะโพกจะช่วยเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูที่เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจาก:

  1. ความรู้เฉพาะทางในการฟื้นฟูสมรรถภาพ: CarePro มีความรู้ในด้านกายภาพบำบัดและการดูแลเฉพาะทางที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยหลังการผ่าตัดสะโพก พวกเขาสามารถให้คำแนะนำและสนับสนุนผู้ป่วยในการทำกายภาพบำบัดที่ถูกต้อง ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และเพิ่มความคล่องตัว
  2. การป้องกันภาวะแทรกซ้อน: การดูแลที่ถูกต้องและเหมาะสมจาก CarePro สามารถช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังการผ่าตัด เช่น การติดเชื้อ การเกิดลิ่มเลือดอุดตัน หรือการเคลื่อนของข้อสะโพกเทียม
  3. การสนับสนุนทางจิตใจและอารมณ์: การผ่าตัดสะโพกอาจส่งผลต่อจิตใจและอารมณ์ของผู้ป่วย โดยเฉพาะในช่วงการฟื้นฟู CarePro สามารถให้การสนับสนุนทางจิตใจ และช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกมั่นใจและมีกำลังใจในการฟื้นฟู
  4. การจัดการกับภารกิจในชีวิตประจำวัน: หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยอาจมีความยากลำบากในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การเดิน การขึ้นลงบันได หรือการดูแลตนเอง CarePro จะช่วยให้การดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ป่วยเป็นไปได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย
  5. การติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด: CarePro จะทำงานร่วมกับแพทย์และทีมการแพทย์เพื่อดูแลและติดตามผลการรักษาของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด พวกเขาสามารถแจ้งให้แพทย์ทราบหากพบความผิดปกติหรือปัญหาในการฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อให้การรักษาและการฟื้นฟูเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

การมีผู้ดูแล (CarePro) ที่มีความรู้และประสบการณ์เฉพาะทางในการดูแลผู้ป่วยหลังผ่าตัดสะโพก จึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดีที่สุด และสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ในระยะเวลาที่สั้นที่สุด

สรุป

การผ่าตัดสะโพกเป็นการรักษาที่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ขั้นตอนการผ่าตัด และการฟื้นฟูหลังผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยควรทราบ หากคุณหรือคนในครอบครัวของคุณมีปัญหาเกี่ยวกับสะโพก ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมในการรักษา

แชร์บทความนี้:

นพ. อัศวิน โรจนสุมาพงศ์
แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลลำปาง