โดย นพ. อัศวิน โรจนสุมาพงศ์ · 2022-12-23
โรคหลอดเลือดสมอง คืออะไร อาการเป็นอย่างไร
โรคหลอดเลือดสมอง เป็นภาวะอันตรายที่เกิดจากการที่สมองขาดเลือด เนื่องจากที่เส้นเลือดที่เลี้ยงสมองมีการตีบ อุดตัน หรือเส้นเลือดมีการแตก อาการที่ปรากฏ อาจมีได้ตั้งแต่มีการอ่อนแรงเฉพาะส่วน อ่อนแรงแขน ขา ใบหน้าขยับไม่ได้ หรืออ่อนแรงครึ่งซีกของร่างกาย หรือที่เรารู้จักกันในภาวะ อัมพฤกษ์หรืออัมพาต หากลักษณะของหลอดเลือดมีการแตก อาจมีอาการรุนแรง เช่น มีการกดของเนื้อสมองจากเลือดที่ไหลออก ทำให้นอกจากจะมีอาการอ่อนแรงแล้ว อาจมีผลต่อความรู้สึกตัว หรือมีปัญหากับการหายใจและการทำงานของสมองได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้รับการรักษาล่าช้า โรคหลอดเลือดสมอง ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีการทุบพลภาพอย่างถาวรได้
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคนี้
อาการที่พบได้บ่อยและเป็นสัญญาณเตือนของภาวะหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน ได้แก่
- เวียนศีรษะเฉียบพลัน ทรงตัวไม่ได้ ปวดศีรษะรุนแรงทันที
- ตาพร่ามั่วทันที มองไม่ชัดหรือเห็นภาพซ้อน
- ใบหน้าชา หรืออ่อนแรง เป็นลักษณะของใบหน้าอ่อนแรงครึ่งซีก มุมปากตก ไม่สามารถยิ้มได้
- แขนชาหรืออ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง
- ปากเบี้ยวพูดไม่ชัดหรือพูดลำบาก
การวินิจฉัย มักทำได้โดย
- การซักประวัติ เพื่อดูลักษณะของอาการและระยะเวลาที่เกิดขึ้นว่า ลักษณะอาการเป็นอย่างไร เป็นมานานเท่าใด มีประวัติความเสี่ยงหรือไม่ รวมทั้งประเมินความเสี่ยงในกรณีที่จำเป็นต้องได้รับยาละลายลิ่มเลือด
- การตรวจร่างกายทางระบบประสาทโดยละเอียดเพื่อประเมินขั้นต้นว่า มีโอกาสที่ หลอดเลือดสมองส่วนใดที่เกิดปัญหาขึ้น
- การเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT scan) เพื่อดูลักษณะความผิดปกติของสมองและหลอดเลือดสมองว่า มีการอุดตันหรือมีการแตกของหลอดเลือดในส่วนใด และกระทบต่อสมองส่วนไหนบ้าง
ฉะนั้น วิธีการจำง่ายๆ สำหรับโรคหลอดเลือดสมอง มีตัวย่อ คือ “BEFAST”
B: Balance → อาการเสียการทรงตัว เวียนหัวเฉียบพลัน ปวดศรษะรุนแรงทันที
E: Eye → ตาพร่ามัว มองไม่ชัด
F: Face → ใบหน้าเบี้ยว
A: Arm → แขนตก มีอาการแขนอ่อนแรง
S: Speech → พูดไม่ชัด
T: TIME → หากมีอาการดังกล่าว ให้รีบเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด
ประเภทของโรคหลอดเลือดสมอง
- โรคหลอดเลือดสมองตีบ (Ischemic stroke) คือ ความผิดปกติที่เกิดจากการที่หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมองตีบหรืออุดตัน มัก เกิดใน ผู้ที่มี ปัจจัย เสี่ยง ที่ทำให้เกิดการอุดตันของ หลอดเลือด เช่น มี โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ การไม่ออกกำลังกายหรือการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ปัจจัยเสี่ยงต่างๆจะทำให้ผนังหลอดเลือด หนาและแข็งตัวทำให้เกิดการตีบและอุดตันได้ง่ายกว่าคนปกติ ปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวมานอกจากจะส่งผลต่อหลอดเลือดสมองแล้ว อาจส่งผลต่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือหัวใจวายได้อีกด้วย
- โรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic stroke) คือ ความผิดปกติที่เกิดจากการที่หลอดเลือดแดงไปเลี้ยงสมองมีการแตก มักเกิด ในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงและไม่ได้รับการรักษาหรือควบคุมอย่างเหมาะสม ทำให้เกิดการฉีกขาดของหลอดเลือดได้ นอกจาก ปัจจัยเสี่ยงเรื่องความดันโลหิตแล้วอาจมีสาเหตุอื่นที่ทำให้ผู้ป่วยมีความเสี่ยงเกิดภาวะหลอดเลือดสมองแตกได้มากขึ้น เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ ความผิดปกติของหลอดเลือดในสมอง เช่น หลอดเลือดสมองโป่งพอง
- โรคสมองขาดเลือดชั่วขณะ (Transient ischemic attack – TIA) คือ ความผิดปกติที่เกิดจากการที่สมองมีภาวะขาดเลือดชั่วคราวแล้ว อาการหายได้เองเป็นอยู่ไม่นาน เช่นเป็นอยู่ประมาณ 5 - 15 นาที ลักษณะนี้แม้ว่าเนื้อสมองจะไม่ได้รับอันตรายเป็นการถาวรแต่มักเป็นสัญญาณเตือนว่าเกิดความผิดปกติบางอย่างกับหลอดเลือดสมองแล้ว ควรได้รับการตรวจเพิ่มเติม
ปัจจัยที่ทำให้ก่อให้เกิดโรค
- พฤติกรรม การทานอาหาร “หวาน - มัน - เค็ม” เกินพอดี
- หวาน: รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง ทำให้เกิดปัญหาเบาหวาน ระดับน้ำตาลสูง เกิดความเสียหายต่อหลอดเลือดได้
- มัน: การรับประทานอาหารทอด อาหารมัน ทำให้มีระดับไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะไขมันคลอเรสเตอรอล และ ไตรกลีเซอไรด์ เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เส้นเลือดตีบอุดตันได้
- เค็ม: การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อหลอดเลือดได้
- การขาดการออกกำลังกาย
- การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์
- ภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ ซึ่งสัมพันธ์กับภาวะความดันโลหิตสูง และภาวะผนังหลอดเลือดแข็ง การเต้นของหัวใจผิดปกติจะทำให้เกิดลิ่มเลือดในหัวใจได้ง่ายขึ้น และลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นอาจหลุดไปอุดตันที่อวัยวะส่วนปลาย ในกรณีนี้ คือ สมอง ทำให้หลอดเลือดอุดตันได้
ยาสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ที่ผู้ดูแลควรรู้
- ยาต้านเกล็ดเลือด (antiplatelet) เช่น
- Aspirin (81 mg) เพื่อป้องการแข็งตัวของเลือด
- ปริมาณการใช้ยา 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง
- Clopidogrel (75 mg) เพื่อป้องการแข็งตัวของเลือด
- ปริมาณการใช้ยา 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง
- ยาละลายลิ่มเลือด (anticoagulant) เช่น
- Warfarin ปริมาณแล้วแต่การปรับของแพทย์
- มักใช้ในการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลืดสมองในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ยาลดไขมัน (statin) เช่น
- Simvastatin (10 - 40 mg) เพื่อลดระดับไขมันในเลือด
- ปริมาณการใช้ยา 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
- Atorvastatin (20 - 40 mg) เพื่อลดระดับไขมันในเลือด
- ปริมาณการใช้ยา 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
- Rousvastatin (10 - 20 mg) เพื่อลดระดับไขมันในเลือด
- ปริมาณการใช้ยา 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
- ยาลดความดันโลหิต เช่น
- Enalapril 5 - 40 mg ต่อวัน
- Amlodipine 5 - 10 mg ต่อวัน
- Manidipine 10 - 40 mg ต่อวัน
- Losartan 50 - 100 mg ต่อวัน
- Atenolol 50 - 100 mg ต่อวัน
- ปริมาณการใช้ยาลดความดันโลหิต ขึ้นกับการปรับรักษาตามระดับความดันโดยแพทย์
มีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในบ้าน ควรดูแลอย่างไร?…
- กระตุ้นให้ผู้ป่วยทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง
- ให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยในการทำกิจวัตร และให้โอกาสผู้ป่วยทำด้วยตนเองหากพอทำได้ เพื่อให้ผู้ป่วยได้ฟื้นฟูทักษะในการทำกิจวัตรด้วยตนเอง
- ปรับเปลี่ยนบ้านและสิ่งแวดล้อมรอบตัวของผู้ป่วยเพื่อให้ผู้ป่วยสะดวกในการทำกิจวัตรด้วยตนเอง และเคลื่อนที่ไปมาในบ้าน ระมัดระวังการพลัดตกหกล้มระหว่างที่ผู้ป่วยเคลื่อนตัวทั้งในบ้านและนอกบ้าน
- ช่วยผู้ป่วยในการจัดการยา และสังเกตอาการผิดปกติ หรือผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการใช้ยา
- สังเกตอาการผิดปกติที่อาจเป็นภาวะแทรกซ้อน เช่น อาการอ่อนแรงมากขึ้น
- ให้กำลังใจผู้ป่วยเสมอ
- ผู้ที่ดูแลผู้ป่วย ควรมีเวลาดูแลสุขภาพตนเอง และแบ่งเวลาพักผ่อนจากการดูแลผู้ป่วยเพื่อลดความเครียดและความกังวลที่อาจจะเกิดขึ้น
- หาผู้ดูแลที่มีความเชี่ยวชาญ หากท่านใดต้องการผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองสามารถปรึกษาหาผู้ดูแลได้ทางการ แอดไลน์ที่นี้ ครับ
VDO ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองจาก Health at Home
วิธีการเช็ดตัวผู้ป่วยติดเตียง - คุณแนน พยาบาลวิชาชีพ เฮลท์ แอท โฮม
สอนทำกายภาพบำบัดขา อย่างง่าย โดย คุณแนน รัชดาภรณ์ หงษ์ทอง พยาบาลวิชาชีพของเฮลท์ แอท โฮม
ไม่ต้องพลิกผู้ป่วยแบบผิดๆกันอีกต่อไป มาเรียนรู้เทคนิคการพลิตตะแคงตัวผู้ป่วยกัน กับครูแนน
สรุปเทคนิค 3 อุปกรณ์ที่ผู้ดูแลต้องใช้เป็น "ไม้เท้า+รถเข็น+วอร์กเกอร์" ครูแนน รัชดาภรณ์ พยาบาลวิชาชีพ
ที่มารูปภาพ
https://www.theeuclidobserver.com/articles/b-e-f-a-s-t-save-a-life/
www.freepik.com/free-photo/elderly-patients-bed-asian-senior-woman-patients-headache-hands-forehead-medical-healthcare